วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

วัดเขาพระบริเวณวัด

วัดเขาพระบริเวณวัด


อุโบสถ

ลักษณะของอุโบสถมีลางน้ำอยู่รอบอุโบสถ

มีที่เก็บอยู่ใต้อุโบสถทั้ง4มุมของอุโบสถในพื้นที่นี้มีพระอยู่ก่อนอาจไม่ค่อยมีน้ำใช้เลยได้วางแบบของอุโบสถให้มีรางน้ำอยู่รอบอุโบสถแล้วได้นำ ทหารมาสร้างให้พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถคือพระพระพุทธวิมลเนรมิตประสิทธิสุขประชาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวราชการที่9ได้ทรงเลือกชื้อไว้แล้ว รูปวาดฝาผนังในอดีตจะแสดงถึงความแห้งแล้งของพื้นที่แต่ในปัจจุบันได้วาดใหม่เพื่อแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ บริเวณรอบอุโบสถจะมีระฆัง ยักษ์มีเสาร์ไฟที่มีครุฑยืนอยู่ด้านบนสูงจากพื้นประมาณ5เมตรและมีเจดีย์พระอรหันต์แปดทิศหรืออีก ชื่อคือเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ



เจดีย์พระอรหันต์แปดทิศ(เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ)

ลักษณะของเจดีย์รูปทรงเป็นรูประฆังคว่ำ
มีช่องลมแปดช่องแต่ละช่องมีพระพุทธรูปอยู่ทั้งแปดช่องพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายในมีชื่อว่าหลวงพ่อดำและจะมีลูกแก้ววางอยู่ด้านหน้าเพื่อแสดงถึงความตังใจปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อดำ ความพิเศษของหินที่นำมาทำเป็นหินสีดำที่มีแสงสว่าง

ธรรมรัตนเจดีย์


ลักษณะของเจดีย์เป็นรูประฆังคว่ำมีแปดเหลี่ยมจะคล้ายกับเจดีย์อรหันต์แปดทิศ (เจดีย์-บรรจุพระบรมสารีรกธาตุ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำได้มาสร้างไว้เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2541จุดประสงค์ของการสร้างเจดีย์นี้เพื่อนำไว้เก็บพระไตรปิฎกหยก


บันไดพญานาค

ลักษณะของบันไดพญานาคจะเป็นตัวพญานาคยาวไปจนสุดทางของบันไดและมีขั้นบันไดทั้งหมด 92 ขั้น จุดเด่นของบันไดจะมีพญานาค 5
เศียรอยู่ต้นทางและเศียรและหางของพญานาคจะเป็นสีขาวส่วนตัวจะมีเกล็ดเป็นสีเขียวน้ำตาลทำจากกระเบื้องเคลือบเงาสวยงาม ความสำคัญของบันไดพระบาทสมเด็จหระเจ้าอยู่หัวราชการที่9ได้เสด็จพระราชดำเดินผ่านขึ้นรถพระที่นั่งเพื่อเสด็จฯกลับ









หน้าหลัก | Home
หน้าหลัก | Home

วัดเขาพระศาสนาและป่าไม้

วัดเขาพระศาสนาและป่าไม้

ต้นโพธิ์ทรงปลูก

ประวิติต้นโพธิ์ ทรงปลูก

ประวิติต้นโพธิ์ ทรงปลูก ในวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2516 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จมายกช่อฟ้าอุโบสถและได้ทรงพระกรุณาปลูกต้นมหาโพธิ์ศรีลังกาหลังพระพุธทรูปปางตรัสรู้ ในอุทยานพระพุธทศาสนา และในเวลาต่อมาต้นโพธิ์ได้ตาย ทางวัดได้ทำพิธีทางพราหมณ์โดยการนำนมมารดต้นโพธิ์จนทำไห้ต้นโพธิ์แตกกิ่งออกมาไหม่ และได้ดูแลมาจนถึงปัจจุบัน ในปัจจุบันทางวัดได้บูรณะให้เป็นธรรมในป่า เพราะในสมัยก่อนมีพระมาธุดงและปักกรดเยอะอีกทั้งเป็นแหล่งปฎิบัติธรรมให้กับคนในชุมชน อาจตีความได้ว่าพระองค์ทรงมีความต้องการให้คนในชุมชนสืบสานต่อ เพราะว่าต้นโพธิ์เป็นสัญลักษณ์ต่อการตรัสรู้และประชาชนรู้จักการอนุรักษ์ป่า ได้เกิดประโยชน์มากมายในชุมชน







วัตถุประสงค์ 

- ทำนุบำรุงศาสนาเชิงอนุลักษณ์
- อนุรักษ์ป่า


ผลที่เกิดขึ้น

1. ชุมชนจะได้รับประโยชน์จากป่า ประโยชน์จากป่าไม้

1. จากการนำไม้มา สร้างอาคารบ้านเรือนและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆเช่นเฟอร์นิเจอร์กระดาษไม้ขีดไฟฟืนเป็นต้น
2. ใช้เป็นอาหารจากส่วนต่าง ๆ ของพืชและผล
3. ใช้พืชสมุนไพรแทนสารเคมี
4. ใช้ทำยารักษาโรคต่าง ๆ







2.อุทยานพระพุทธศาสนา

2.1 กิจกรรมรอบปีการสืบสานตามประเพณีท้องถิ่น
-ปฎิบัติธรรม
-สวดมนต์วันอาทิตย์
2.2 เป็นศูนย์การเรียนรู้
-พระศาสนาตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน,สังเวชนียสถาน,ปริศนาธรรม -ป่าไม้ น้ำ สมุนไพร เศรษฐกิจพอเพียง คำสอนพ่อ




หน้าหลัก | Home
หน้าหลัก | Home


ประวัติวัดเขาพระ

ประวัติวัดเขาพระ


ประวัติวัดเขาพระ


วัดเขาพระ ตั้งอยเู่ลขที่ ๙๑ หมู่ที่ ๑ ต าบลทับคาง อ าเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี รหัสไปรษณีย์
๗๖๑๔๐ ตั้งเป็นวัดเมื่อวนั ที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๐ ตั้งชื่อวัดเพราะชาวบ้านมาเจอหินเป็น 
โกลนเศียรพระบนยอดเขา จึงเรียกว่า “วัดเขาพระ” ปัจจุบันหินนั้นได้ไปอยู่ที่วัด 
ดอนทรายและเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านได้ไปกราบไหว้ในเวลาต่อมา
ที่ตั้งวดัเขาพระ เป็นเนินภูเขาไม่สูงมากนัก ชาวบ้านเรียกกันว่า “เขาพระ” มีบ่อน้ำ ชาวบา้นเรียกว่า
“บ่อทอง” เพราะเดิมเป็น เหมืองทองคำ ปัจจุบันเลิกทำเหมืองทองคำ เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐
วัดเขาพระ เป็นวดัราษฎร์ สังกดัคณะสงฆม์ หานิกาย ไม่ปรากฏชื่อผูข้ออนุญาตสร้างวัด ที่ดินตั้ง
วัดจำนวนเนื้อที่ ๑๔ ไร่ ๗๐ ตารางวา ตามหลักฐานที่ดิน นส. ๓ เล่ม ๑ หน้า ๑๖๔ มีนายเนียม 
บุญมณี เป็นเจ้าของที่ดิน ยกให้เพื่อสร้างวัด เมื่อวันที่ ๑๓ กนัยายน พ.ศ. ๒๕๐๑ ซึ่งมีอาณาเขตของ
ที่ดินดังนี้
ทิศเหนือ จรดลาห้วย
ทิศใต้ จรดทางเกวียน
ทิศตะวันออก จรดทางเกวียน
ทิศตะวันตก จรดลาห้วย
เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ พระครูภาวนาวิริยาจารย์ (สุธรรม) หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า
“หลวงพ่อบุญ” เจ้าอาวาสวัดเขาพระ ท่านเล่าให้นายแฉล้ม สุยพงษ์พนัธ์ฟังและได้ บันทึกเป็นเรื่องเล่าจาก หลวงพ่อ ไว้ว่า ท่าน (หลวงพ่อ บุญ) พร้อมด้วยพระอินทร์คา ทั้งสองเป็นศิษยข์องหลวงพ่อ สด (พระมงคลเทพมุนี) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ธนบุรีได้เดินธุดงคม์ าตามถนนเพชรเกษม ถึงบ้านดอนทราย ตำบลทับคาง มีทาง แยกเป็นทางเกวียนไปทางทิศตะวันตก จึงเดินตามทางเกวียนต่อด้วยการเดินบุกป่ามาจนถึงเนินเขาพระระยะทางประมาณ ๕ กิโลเมตร พิจารณาว่า ภูเขาแห่งนี้เป็นที่สงบสงัด เงียบ เหมาะแก่การเจริญวิปัสสนาปฏิบัติกรรมฐาน ตามแนวทาง “วิชาธรรมกาย” จึงพักอาศยัอยู่ที่นี่โดยใช้กลดกางเป็นที่พักทั้ง ๒ รูปต่อมาได้ปลูกสร้างเป็นเพิงที่พักหลังเล็กๆ ๒ หลัง ข้างบนเนินเขา และเผยแพร่วิชาธรรมกายไดก้วา้งขวางมากยิ่งขึ้น หลวงพ่อ บุญ (พระครูภาวนาวิริยาจารย)์ เล่าต่อไปว่า นับจากนั้น ไม่นานนักประชาชนทั้งในท้องถิ่น และ ต่างท้องถิ่น ได้ร่วมกัน สร้างศาลาเอนกประสงค์ เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ และเริ่ม ทยอยจัดสร้างเสนาสนะขึ้นอีกหลายหลัง เมื่อพิจารณาเห็นว่าชาวบ้านทั่ว ไปมีความศรัทธาและเริ่มมาจัดกิจกรรมมากขึ้น ท่านจึงได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ และเข้าพบอธิบดีกรมที่ดิน อธิบดีกรมป่าไม้ และอธิบดีกรมชลประทาน เพื่อขออนุญาตดำเนินการสร้างวัด ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดีจนสามารถสร้างวัด และ ได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัด เมื่อวัน ที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๐โดยที่ดินรอบบริเวณเขาพระเป็นที่จับจองของบรรดานายทหาร นายตำรวจหลายราย รายละ ๖๐ ไร่จนถึง ๑๐๐ ไร่และที่ดินเหล่านี้ต้องมีอายุการจับจองเกิน ๑๐ ปีจึงจะทำ การออกโฉนดที่ดินได้ซึ่งผู้จับจองที่ดินเหล่านี้ได้ดำเนินการออกโฉนดและทำพินัยกรรมระบุถวายให้วัดเขาพระไว้โดยระบุว่า “ห้ามบุคคลที่อยเู่บื้องหลังคัดค้านโดยเด็ดขาด” ปัจจุบันวัดได้ข้อออกโฉนดที่ดินเป็นของวัดเขาพระเรียบร้อยแล้ว รวมเป็นเนื้อที่ ๘๐๐ ไร่ เศษ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เมื่อได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดแล้ว สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสามพระยาในขณะนั้น ได้แต่งตั้งให้พระสมุห์สุธรรม ถิราโส (พระครูภาวนาวิริยาจารย์) ซึ่งดา รงตา แหน่งผู้ช่วยเจ้า อาวาสพระอารามหลวงชั้นโท เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาพระ นับเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดเขาพระ
 เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๑ พันโทผัน คุณนายชื่น และคุณรัตนาภรณ์(แดง)อินทรกา แหง ณ
นครราชสีมา ได้ชักชวนญาติสนิทมิตรสหายพร้อมเพื่อนที่เป็นทหาร ทั้งผู้บงัคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบญัชามาร่วมสร้างอุโบสถบนยอดเขาเป็นอุโบสถ ๒ ชั้น มีประตูด้านหน้า และด้านข้างข้างละประตู ชั้น บนเป็นสถานที่ประดิษฐานพระประธาน และประกอบสังฆกรรม ส่วนชั้นล่างเป็นที่พกัของผู้ปฏิบิตัธรรม ทางเข้าอุโสถชั้นล่าง ภายในชั้น ล่างอุโบสถโดยมีหลวงจบกระบวนยุทธ เป็นประธาน และมีผู้ร่วมเป็นกรรมการหลายท่าน อาทิขุนทยานรานรอน พลโท บัญญัติ นิลคุปต์ พลตรีประเสริฐ รอดบางยาง เจ้ากรมทหารช่างราชบุรีพันเอกณรงค์กิตติขจร พลเอกยุทธศักดิ์ คล่องตรวจโรค(ยศใน ขณะนั้น ) นายลิขิตสมาขันนายซิพุฒ แซ่ด่าน เป็นต้น ไดก้ราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเสด็จมาเป็นองค์ประธานวางศิลาฤกษ์อุโบสถในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ 
เมื่อก่อสร้างอุโบสถเสร็จเรียบร้อยแล้ว 
คณะกรรมการดำ เนินการก่อสร้างได้ กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ มาทรงยกช่อฟ้าอุโบสถและฝังลูกนิมิตซึ่งเสด็จ มาพร้อมด้วยพระเจ้าลูกยาเธอทั้ง ๒ พระองค์ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๖ และทรงปลูกต้นโพธิ์ ศรีลังกาไว้ในอุทยานพระพุทธศาสนา ๑ ต้น
วัดเขาพระ มีที่ธรณีสงฆ์ ที่มีโฉนดที่ดินแล้วอีกจำนวน ๗ แปลง 
ได้แก่โฉนดเลขที่ ๗๖๕๓,๗๖๕๕, ๗๖๖๐, ๗๖๖๑, ๗๖๖๒, ๗๖๖๓ และ ๗๖๗๐ เนื้อที่รวม ๓๖๐ ไร่ ๓ งาน ๔ ตารางวา สภาพทั่วไปของวัดเป็นป่าไม้เบญจพันธุ์ดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก พระครูภาวนาวิริยาจารย์เจ้าอาวาสวัดเขาพระรูปแรก ได้พัฒนาและอนุรักษ์ป่าไม้ไว้อย่างสมบูรณ์บริบูรณ์

๑. งานสาธารณูปการ (งานก่อสร้างเสนาสนะ)

วัดเขาพระได้เริ่มสร้างกุฏิสงฆ์ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๑๐ จนถึงประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๐ สมัยพระครู
ภาวนาวิริยาจารย์ เป็นเจ้าอาวาส เป็นอาคารไม้ ๑๐ หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ๘ หลัง และ
เป็นอาคารตึก ๒ หลัง รวม ๒๐ หลังพร้อมสร้างศาลาการเปรียญ กว้าง ๗ เมตร ยาว ๑๖ เมตร 
วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๑ เริ่มสร้างอุโบสถ เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ขนาดกว้าง ๖เมตร ยาว ๑๒ เมตร และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยมีเขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๒๐ เมตร 
ยาว ๔๐ เมตร ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ได้สร้างวิหาร เป็นอาคารไม้สักชั้นเดียว ยกพื้นสูง 
ขนาดกว้าง ๑๐.๒๐ เมตร ยาว ๑๕.๓๐ เมตร 
พร้อมสร้างศาลาเอนกประสงค์ เป็นอาคารคอนกรีต ขนาดกว้าง ๑๒.๕๐ เมตร
ยาว ๑๕.๓๐ เมตร ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ 
ได้สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมโรงครัว 
โรงจอดรถปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้สร้างเจดียบ์ รรจุพระไตรปิฎกหินอ่อนที่เหลือจากพุทธมณฑล
เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๑ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้า 
ภาษีเจริญ ขณะดา รงสมณศักดิ์ที่ พระราชวรเวทีได้เดินทางมาเยี่ยมพระครูภาวนาวิริยาจารย์และพักค้างที่วัดเขาพระ ได้พิจารณาเห็นว่าวัดเขาพระ เป็นสถานที่สงบเงียบสงัด ร่มเย็น ดีมาก สมควรสร้างเป็นสถานพยาบาล และ พักฟื้นของผู้สูงอายุจึงได้มอบปัจจัยเป็นทุนในการก่อสร้าง 
และให้ชื่ออาคารว่า “ตึกมงคลภาวนาบดี” เป็นอาคารคอนกรีต ๒ ชั้น ชั้นล่างกั้น เป็นห้องๆ

๒. งานการปกครอง

วัดเขาพระถือปฏิบัติ ภายใต้การปกครองคณะสงฆ์ระดับตำบล คือเจ้าคณะตำบลทับคาง ระดับ
อำเภอ คือ เจ้าคณะอำเภอเขาย้อย ระดับจังหวัด คือ เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี เจ้าคณะภาค คือ ภาค ๑๕ และอยู่ในการปกครองของเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และมหาเถรสมาคม 
โดยมีเจ้าอาวาสปกครองวัด ตามลาดับดังนี้เจ้าอาวาสรูปแรกคือ พระครูภาวนาวิริยาจารย์(สุธรรม ) ปกครองวัดตั้งแต่วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๐ ถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๔ (มรณภาพ)
ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ - ๒๕๔๕ พระสุทัน ทนฺตจิตฺโต รักษาการเจ้าอาวาส
ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ คณะสงฆ์จังหวัดเพชรบุรี ได้แต่งตั้งให้พระอธิการน้อยวณฺณวฑุ ฺฒโกดา รงตา แหน่ง
เจ้าอาวาสวัดเขาพระนับเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๒ และได้มรณภาพ 
เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

๓. งานการเผยแผ่

วัดเขาพระ โดยพระครูภาวนาวิริยาจารย์ ได้เชิญชวนพุทธศาสนิกชนศึกษาหลักธรรมคำสอนทาง
พระพุทธศาสนา รวมทั้งจัดให้มีการรักษาศีลสวดมนต์ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม (วิปัสสนา) 
และยังได้รับการจัดตั้งเป็นหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลทบัคาง ตามมติมหาเถรสมาคม ปีพ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งกำหนดให้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมประชาชนในดำรงชีวติดว้ยหลัก ๘ ประการ คือ
๑. ศีลธรรมและวัฒนธรรม 
๒. สุขภาพอนามัย
๓. สัมมาชีพ 
๔. สันติสุข
๕. ศึกษาสงเคราะห์ 
๖. สาธารณสงเคราะห์
๗. กตัญญูกตเวทีตาธรรม 
๘. สามัคคีธรรม

พระครูสมุห์สมบัติปภสฺสโรเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ได้พัฒนาฟื้นฟูกิจกรรมของหน่วยอบรมประชาชน
ประจำตำบล ต่อมา และส่งเสริมการปฏิบัติธรรม การสวดมนต์รักษาศีลเจริญจิตภาวนา ทุกวันอาทิตย์
จนได้รับมิตมหาเถรสมาคม ให้จัดตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจา 
จังหวัด เพชรบุรีแห่งที่ ๒๙ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๖๐

๔. งานสาธารณประโยชน์

นอกจากการอา นวยความสะดวกแก่พุทธศาสนิกชนในการจัดกิจกรรมภายในวัดแล้ว 
ในปีพ.ศ.๒๕๑๗ ยังเอื้อเฟื้อต่อนกัธรณีวทิยา ให้ศึกษาการค้นพบซากสัตว์โบราณ 
อายุประมาณ ๔๔๐ ถึง ๓๒๕ ล้าน
ปีพร้อมหินที่มีคุณลักษณะคล้ายหินที่ต้น พบที่อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

๕. งานการศึกษาสงเคราะห์

วัดเขาพระ โดยเจ้าอาวาสนับตั้งแต่เจ้าอาวาสรูปแรก เป็นต้น มาจนถึงปัจจุบันจัดให้มีการมอบ
ทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนโดยเฉพาะนักเรียนระดับประถมศึกษา เป็นประจำทุกปี 
ปีละประมาณ ๒๐ ทุน ทุนละ ๕๐๐ บาท

ประวัติเจ้าอาวาสวัดเขาพระ

พระครูภาวนาวิริยาจารย์(สุธรรม ) ปกครองวัดตั้งแต่วัน ที่๒๕  กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๐ ถึง
วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๔ (มรณภาพ)
พระครูวิริยาจารย์จารย์หรือ หลวงพ่อบุญ เป็นลูกศิษยข์องหลวงพ่อสด(พระมงคลเทพมุนี) 
วัดปากน้ำ จังหวัดนนทบุรี ได้เดินทางธุดงค์มาปักกลดที่ป่าของ
พื้นที่ตำบลทับคางในปัจจุบันซึ่งขณะนี้เป็นเขตพื้นที่ป่าอุทยานพระพุทธศาสนาเฉลิมพระเกียรติของวัดเขาพระ ในปีพ.ศ.2501 ในเวลาต่อมาทางวัดปากน้ำ ได้เชิญในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปลูกต้นโพธิ์เพื่อเป็นอนุรักษ์ป่า และในปี 2510 ได้รับอนุญาตให้จัด ตั้งเป็นวัดขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และหลวงพ่อบุญก็ได้ดำรงตา แหน่งเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกในขณะนั้น พระสุทัน ทุนติจุต ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งรักษาการแทนเจ้าอาวาส ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ – ๒๕๔๕ พระอธิการน้อย วณณวฑฒโกได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ 2 ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อบุญตั้งแต่ตอนที่เป็นสามเณรตั้งแต่เด็ก ท่านได้ถูกแต่งตั้งเป็นอธิการน้อยจากคณะสงฆ์จงัหวัดเพชรบุรี วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2559 และได้มรณภาพเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 พระครูสมุห์สมบัติปภสสโร ซึ่งขณะนั้น เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพิชโสภาราม จังหวัดอุบลราชธานี ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาพระจนถึงปัจจุบันซึ่งท่านเป็นคนจังหวัดเพชรบุรีและได้ถูกเชือเชิญจากเจ้าคณะสงฆ์ในจังหวัดเพชรบุรีให้มาสานต่อหลกั ปฏิบัติธรรมในเพชรบุรีเหตุที่เลือก
วัดเขาพระเพราะวัดเขาพระมีความสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม

หน้าหลัก | Home
หน้าหลัก | Home

วัดเขาพระความเปลี่ยนแปลง ของสภาพพื้นที่และชลประทาน

วัดเขาพระความเปลี่ยนแปลง

ของสภาพพื้นที่และชลประทาน

ก่อนในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จ

เมื่อก่อนเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ระบบชลประทานเข้าไม่ถึง
เป็นภูเขาหัวโล้น
ใช้น้ำจากธรรมชาติ,บ่อทอง,จากการรองน้ำฝน

หลังจากในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จ (พ.ศ. ๒๕๑๖)

ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จ ทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานสร้าง อ่างเก็บน้ำพุน้อย (พ.ศ.๒๕๒๐ - ๒๕๒๔)
 ทางวัดได้สร้างอ่างเก็บน้ำเพิ่มอีก ๑ อ่าง เพื่อรองรับน้ำที่ล้นมาจากอ่างเก็บน้ำพุน้อย

ประโยชน์ที่ได้หลังจากในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จ

ชาวบ้านมีน้ำใช้ในการทำการเกษตร
วัดมีน้ำใช้ตลอด
มีน้ำใช้ในฤดูแล้ง
สภาพป่าสมบูรณ์ขึ้น (อ้างอิง คุณสมพร บุตรสดี อายุ ๔๗ ปี มหาชัย) เช่น เห็ดดิน เห็ดน้ำหมาก เป็นต้น

การบริหารจัดการน้ำภายใน วัดเขาพระ 

อดีต

รองน้ำฝนเก็บน้ำไว้ใช้ใต้อุโบสถ
-กุฏิแต่ละหลังจะมีการรองน้ำเก็บไว้ใช้
-ในช่วงหน้าแล้งก็จะตักน้ำในบ่อทองขึ้นมาใช้

ปัจจุบัน

มีการสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำมาใช้
เปลี่ยนจากการรองน้ำฝนเป็นปั้มน้ำขึ้นมาเก็บใต้อุโบสถแทน

หน้าหลัก | Home
หน้าหลัก | Home

ประวัติวัดเขาพระ และ สภาพแวดล้อมในชุมชน

ประวัติวัดเขาพระ ตำบลทับคาง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี

ประวัติวัดเขาพระ

วัดเขาพระ ตั้งอยู่เลขที่ ๙๑ หมู่ที่ ๑ ตำบลทับคาง อำเภอเขาย้อย
จังหวัดเพชรบุรี รหัสไปรษณีย์ ๗๖๑๔๐ ตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ.
๒๕๑๐ ตั้งชื่อวัดตามพุทธลักษณะของพระพุทธรูปสำคัญที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า“หลวงพ่อหิน” เพราะเป็นหินที่แกะสลักเฉพาะพระเศียรพระพุทธรูปและที่พระพักตร์บนพระนลาฎ (หน้าผาก) แกะเป็นพระพุทธรูปอีกครั้งหนึ่งแล้วนำพระเศียรไปต่อเชื่อมกับองค์พระพุทธรูปที่ปั้นขึ้น

ที่ตั้งวัดเขาพระ เป็นเนินภูเขาไม่สูงมากนัก ชาวบ้านเรียกกันว่า “เขาพระ”มีบ่อน้ำ ชาวบ้านเรียกว่า “บ่อทอง” เพราะเดิมเป็นเหมืองทองคำ
ปัจจุบันเลิกทำเหมืองทองคำ เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐

วัดเขาพระ เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
ไม่ปรากฏชื่อผู้ขออนุญาตสร้างวัด ที่ดินตั้งวัดจำนวนเนื้อที่ ๑๔ ไร่ ๗๐ ตารางวาตามหลักฐานที่ดิน นส. ๓ เล่ม ๑ หน้า ๑๖๔ มีนายเนียม บุญมณี เป็นเจ้าของที่ดินยกให้เพื่อสร้างวัด เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๑ ซึ่งมีอาณาเขตของ
ที่ดินดังนี้
ทิศเหนือ จรดลำห้วย 
ทิศใต้ จรดทางเกวียน
ทิศตะวันออก จรดทางเกวียน 
ทิศตะวันตก จรดลำห้วย
เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ พระครูภาวนาวิริยาจารย์ (สุธรรม)
หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า “หลวงพ่อบุญ” เจ้าอาวาสวัดเขาพระ ท่านเล่าให้นายแฉล้มสุยพงษ์พันธ์ ฟังและได้บันทึกเป็นเรื่องเล่าจากหลวงพ่อไว้ว่าท่าน (หลวงพ่อบุญ)


พร้อมด้วยพระอินทร์คำ ทั้งสองเป็นศิษย์ของหลวงพ่อสด (พระมงคลเทพมุนี)วัดปากน้ำภาษีเจริญ ธนบุรี ได้เดินธุดงค์มาตามถนนเพชรเกษม ถึงบ้านดอนทรายตำบลทับคาง มีทางแยกเป็นทางเกวียนไปทางทิศตะวันตกจึงเดินตามทางเกวียนต่อด้วยการเดินบุกป่ามาจนถึงเนินเขาพระ ระยะทางประมาณ ๕กิโลเมตร พิจารณาว่า ภูเขาแห่งนี้ เป็นที่สงบ สงัด เงียบ เหมาะแก่การเจริญวิปัสสนา
ปฏิบัติกรรมฐาน ตามแนวทาง “วิชาธรรมกาย” จึงพักอาศัยอยู่ที่นี่
โดยใช้กลดกางเป็นที่พักทั้ง ๒ รูปต่อมาได้ปลูกสร้างเป็นเพิงที่พักหลังเล็กๆ ๒ หลังข้างบนเนินเขา และเผยแพร่วิชาธรรมกายได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น


หลวงพ่อบุญ (พระครูภาวนาวิริยาจารย์) เล่าต่อไปว่า นับจากนั้นไม่นานนักประชาชนทั้งในท้องถิ่นและต่างท้องถิ่น ได้ร่วมกันสร้างศาลาเอนกประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ และ เริ่มทยอยจัดสร้างเสนาสนะขึ้นอีกหลายหลังเมื่อพิจารณาเห็นว่าชาวบ้านทั่วไปมีความศรัทธาและเริ่มมาจัดกิจกรรมมากขึ้นท่านจึงได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ และเข้าพบอธิบดีกรมที่ดิน อธิบดีกรมป่าไม้ และ อธิบดีกรมชลประทาน เพื่อขออนุญาตดำเนินการสร้างวัด ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี จนสามารถสร้างวัด
และได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัด เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๐โดยที่ดินรอบบริเวณเขาพระเป็นที่จับจองของบรรดานายทหารนายตำรวจหลายราย รายละ ๖๐ ไร่ จนถึง ๑๐๐ ไร่
และที่ดินเหล่านี้ต้องมีอายุการจับจองเกิน ๑๐ ปี จึงจะทำการออกโฉนดที่ดินได้ ซึ่งผู้จับจองที่ดินเหล่านี้ได้ดำเนินการออกโฉนดและทำพินัยกรรมระบุถวายให้วัดเขาพระไว้ โดยระบุว่า “ห้ามบุคคลที่อยู่เบื้องหลังคัดค้านโดยเด็ดขาด”ปัจจุบันวัดได้ขอออกโฉนดที่ดินเป็นของวัดเขาพระเรียบร้อยแล้ว รวมเป็นเนื้อที่ ๘๐๐ ไร่ เศษ


ในปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เมื่อได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดแล้วสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสามพระยาในขณะนั้นได้แต่งตั้งให้พระสมุห์สุธรรม ถิราโส (พระครูภาวนาวิริยาจารย์)ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นโทเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาพระ นับเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดเขาพระ




เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๑ พันโทผัน คุณนายชื่น และคุณรัตนาภรณ์ (แดง) อินทรกำแหง ณ นครราชสีมา ได้ชักชวนญาติสนิทมิตรสหายพร้อมเพื่อนที่เป็นทหาร ทั้งผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา มาร่วมสร้างอุโบสถบนยอดเขาเป็นอุโบสถ ๒ ชั้น มีประตูด้านหน้า และด้านข้าง ข้างละประตู ชั้นบนเป็นสถานที่ประดิษฐานพระประธาน
และประกอบสังฆกรรม


ส่วนชั้นล่างเป็นที่พักของผู้ปฏิบัติธรรม


ทางเข้าอุโสถชั้นล่าง ภายในชั้นล่างอุโบสถ



โดยมีหลวงจบกระบวนยุทธ เป็นประธาน และ มีผู้ร่วมเป็นกรรมการหลายท่าน อาทิ ขุนทยานรานรอน พลโทบัญญัติ นิลคุปต์
พลตรีประเสริฐ รอดบางยาง เจ้ากรมทหารช่างราชบุรีพันเอกณรงค์ กิตติขจรพันเอกยุทธศักดิ์ คล่องตรวจโรค (ยศใน ขณะนั้น) นายลิขิตสมาขัน นายซิพุฒ แซ่ด่านเป็นต้น ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เสด็จมาเป็นองค์ประธานวางศิลาฤกษ์อุโบสถในปี พ.ศ. ๒๕๑๑

เมื่อก่อสร้างอุโบสถเสร็จเรียบร้อยแล้ว คณะกรรมการดำเนินการก่อสร้างได้กราบบังคมทูลเชิญ 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙


มาทรงยกช่อฟ้าอุโบสถและฝังลูกนิมิตซึ่งเสด็จมาพร้อมด้วยพระเจ้าลูกยาเธอทั้ง ๒ พระองค์ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๖
และทรงปลูกต้นโพธิ์ศรีลังกาไว้ในอุทยานพระพุทธศาสนา ๑ ต้น



วัดเขาพระ มีที่ธรณีสงฆ์ ที่มีโฉนดที่ดินแล้ว อีกจำนวน ๗ แปลง ได้แก่
โฉนดเลขที่ ๗๖๕๓, ๗๖๕๕, ๗๖๖๐, ๗๖๖๑, ๗๖๖๒, ๗๖๖๓ และ ๗๖๗๐ เนื้อที่รวม ๓๖๐ ไร่ ๓ งาน ๔ ตารางวา สภาพทั่วไปของวัดเป็นป่าไม้เบญจพันธุ์ ดินอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูก พระครูภาวนาวิริยาจารย์เจ้าอาวาสวัดเขาพระรูปแรก ได้พัฒนาและอนุรักษ์ป่าไม้ไว้อย่างสมบูรณ์บริบูรณ์




๑. งานสาธารณูปการ (งานก่อสร้างเสนาสนะ) 

วัดเขาพระ ได้เริ่มสร้างกุฏิสงฆ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ จนถึงประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๐ สมัยพระครูภาวนาวิริยาจารย์ เป็นเจ้าอาวาส เป็นอาคารไม้ ๑๐ หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ๘ หลัง และเป็นอาคารตึก ๒ หลัง รวม ๒๐ หลังพร้อมสร้างศาลาการเปรียญ 
กว้าง ๗ เมตร ยาว ๑๖ เมตร





วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๑ เริ่มสร้างอุโบสถ เป็นอาคารครึ่งตึก
ครึ่งไม้ ขนาดกว้าง ๖เมตร ยาว ๑๒ เมตร และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยมีเขตวิสุงคามสีมา 
กว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๔๐ เมตร

ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ได้สร้างวิหาร เป็นอาคารไม้สักชั้นเดียว 
ยกพื้นสูง ขนาดกว้าง ๑๐.๒๐ เมตร ยาว ๑๕.๓๐ เมตร 
พร้อมสร้างศาลาเอนกประสงค์ เป็นอาคารคอนกรีต
ขนาดกว้าง ๑๒.๕๐ เมตร ยาว ๑๕.๓๐ เมตร






ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ ได้สร้างเจดีย์บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ
พร้อมโรงครัว โรงจอดรถ

ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้สร้างเจดีย์บรรจุพระไตรปิฎกหินอ่อน
ที่เหลือจากพุทธมณฑล

เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคมพ.ศ.๒๕๔๑สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชวรเวทีได้เดินทางมาเยี่ยมพระครูภาวนาวิริยาจารย์ และพักค้างที่วัดเขาพระ
ได้พิจารณาเห็นว่าวัดเขาพระ เป็นสถานที่สงบเงียบสงัด ร่มเย็นดีมาก
สมควรสร้างเป็นสถานพยาบาลและพักฟื้นของผู้สูงอายุจึงได้มอบปัจจัยเป็นทุนในการก่อสร้าง และให้ชื่ออาคารว่า “ตึกมงคลภาวนาบดี” เป็นอาคารคอนกรีต ๒ ชั้นชั้นล่างกั้นเป็นห้องๆ





๒. งานการปกครอง


วัดเขาพระ ถือปฏิบัติ ภายใต้การปกครองคณะสงฆ์ระดับตำบล
คือเจ้าคณะตำบลทับคาง ระดับอำเภอ คือ เจ้าคณะอำเภอเขาย้อย ระดับจังหวัด คือ เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี เจ้าคณะภาค คือ ภาค ๑๕
และอยู่ในการปกครองของเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และมหาเถรสมาคม
โดยมีเจ้าอาวาสปกครองวัด ตามลำดับดังนี้
เจ้าอาวาสรูปแรก คือ พระครูภาวนาวิริยาจารย์ (สุธรรม )
ปกครองวัดตั้งแต่วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๐ ถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๔ (มรณภาพ)

ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ - ๒๕๔๕ พระสุทัน ทนฺตจิตฺโต รักษาการเจ้าอาวาส
ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ คณะสงฆ์จังหวัดเพชรบุรี

ได้แต่งตั้งให้พระอธิการน้อย วณฺณวุฑฺฒโก
ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเขาพระ นับเป็นเจ้าอาวาส
รูปที่ ๒ และได้มรณภาพ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙


วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๙ เจ้าคณะตำบลทับคาง (พระครูจันทวชิรคุณเจ้าอาวาสวัดดอนทราย) ได้แต่งตั้งให้พระครูสมุห์ สมบัติ ปภสฺสโรผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสพิชภาราม ตำบลแก้งเหนือ
อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้รักษาการณ์เจ้าอาวาส และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙



๓. งานการศาสนศึกษา (การศึกษาสงฆ์)


วัดเขาพระ ได้จัดตั้งโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรม และเปิดสอนแผนกธรรม
ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นต้นมา

๔. งานการเผยแผ่


วัดเขาพระ โดยพระครูภาวนาวิริยาจารย์

ได้เชิญชวนพุทธศาสนิกชนศึกษาหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนารวมทั้งจัดให้มีการรักษาศีล สวดมนต์ ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม
(วิปัสสนา)และยังได้รับการจัดตั้งเป็นหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลทับคางตามมติมหาเถรสมาคม ปี พ.ศ. ๒๕๑๘
ซึ่งกำหนดให้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมประชาชนในดำรงชีวิตด้วยหลัก ๘ ประการ คือ
๑. ศีลธรรมและวัฒนธรรม 
๒. สุขภาพอนามัย
๓. สัมมาชีพ 
๔. สันติสุข
๕. ศึกษาสงเคราะห์ 
๖. สาธารณสงเคราะห์
๗. กตัญญูกตเวทีตาธรรม 
๘. สามัคคีธรรม
พระครูสมุห์สมบัติ ปภสฺสโร เจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ได้พัฒนาฟื้นฟูกิจกรรมของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ต่อมา และ ส่งเสริมการปฏิบัติธรรม การสวดมนต์ รักษาศีล เจริญจิตภาวนา ทุกวันอาทิตย์
จนได้รับมติมหาเถรสมาคม ให้จัดตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเพชรบุรีแห่งที่ ๒๙ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๐

๕. งานสาธารณประโยชน์


นอกจากการอำนวยความสะดวกแก่พุทธศาสนิกชนในการจัดกิจกรรมภายในวัดแล้ว ในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ยังเอื้อเฟื้อต่อนักธรณีวิทยา ให้ศึกษาการค้นพบซากสัตว์โบราณ อายุประมาณ ๔๔๐ ถึง ๓๒๕ ล้านปี
พร้อมหินที่มีคุณลักษณะคล้ายหินที่ต้นพบที่อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

๖. งานการศึกษาสงเคราะห์


วัดเขาพระ โดยเจ้าอาวาสนับตั้งแต่เจ้าอาวาสรูปแรก เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันจัดให้มีการมอบทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนโดยเฉพาะนักเรียนระดับประถมศึกษา เป็นประจำทุกปี ปีละประมาณ ๒๐ ทุน ทุนละ ๕๐๐ บาท